สารบัญ
หูฟัง เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่หลายคนพกพาติดตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเวลาเดินทางไปท่องเที่ยว เดินทางไปทำงาน หรือนั่งทำการบ้าน นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอม ก็มักจะมีหูฟังอยู่ด้วยเสมอ เพราะการใส่หูฟัง ช่วยให้ฟังเสียง และดื่มด่ำกับความบันเทิงตรงหน้าโดยไม่รบกวนผู้อื่น แต่การใช้หูฟังติดต่อกันเป็นเวลานานหรือการปรับระดับเสียงให้ดังจนเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการได้ยิน และอาจร้ายแรงจนทำให้หูหนวกได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หูของเราเป็นอันตราย ในบทความนี้เราก็มีวิธีการใช้หูฟังอย่างถูกต้อง ปลอดภัย ป้องกันหูเสื่อมก่อนวัย ที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ มาฝากกันค่ะ
ผลกระทบของการใส่หูฟังนาน ๆ และเปิดเสียงดัง
การฟังเสียงที่ดังเกิน 90 เดซิเบล อาจส่งผลกระทบต่อระบบการได้ยินในระยะยาวได้ โดยการใช้หูฟัง และปรับระดับเสียงให้อยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของระดับเสียงดังสุดอาจทำให้เกิดเสียงดังประมาน 85 เดซิเบล และหากปรับระดับเสียงให้สูงขึ้นก็อาจให้เสียงดังถึง 104 เดซิเบล ซึ่งเมื่อฟังเสียงดังติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจเสี่ยงต่อภาวะประสาทหูเสื่อมจากเสียง และอาจทำให้สูญเสียการได้ยินอย่างถาวรหรือหูหนวกได้ เนื่องจากคนทั่วไปมีเซลล์ขนประมาณ 16,000 เซลล์อยู่ในหูชั้นในส่วนที่เรียกว่า cochlea เสียงดังทำให้เซลล์ และเยื่อหุ้มเซลล์ภายใน cochlea ถูกทำลาย การฟังเสียงดังเป็นระยะเวลานานทำให้เซลล์ขนเหล่านี้ทำงานหนักมากเกินไป และตายไปในที่สุดนั่นเอง
ระดับเสียงที่ไม่เป็นอันตรายต่อหู
การฟังอย่างปลอดภัยขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่างคือ ความดังของเสียง ระยะเวลาในการฟัง และความถี่ในการฟัง ดังนั้น การฟังเสียงไม่ดังมาก แต่ฟังเป็นระยะเวลานานมีอันตรายพอ ๆ กับการฟังเสียงดังในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งการฟังสำหรับผู้ใหญ่ สามารถฟังระดับเสียงไม่เกิน 80 เดซิเบลเอได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับเด็กสามารถฟังระดับเสียงไม่เกิน 75 เดซิเบลได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากเสียงดังกว่านั้น เวลาที่แนะนำจะลดน้อยลง เช่น ไม่ควรฟังระดับเสียง 100 เดซิเบลเอเกิน 15 นาที
การใช้หูฟังอย่างถูกต้อง และปลอดภัย
- ปรับระดับเสียงให้ดังไม่เกิน 60% ของระดับเสียงที่ดังสุด
- ไม่ควรใช้หูฟังติดต่อกันนานเกิน 1 ชั่วโมง โดยควรหยุดใช้ประมาณ 5 นาทีเมื่อฟังครบ 1 ชั่วโมง
- เลือกใช้หูฟังที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก เพราะผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นเพื่อกลบเสียงดังกล่าว
วิธีป้องกันสุขภาพหูพังจากการใช้หูฟัง
ลดระดับเสียง ปรับระดับเสียงให้อยู่ที่ 60% จากระดับเสียงสูงสุด และเลือกใช้หูฟังที่มีขนาดพอดีกับหู และสามารถตัดเสียงรบกวนได้ (noise cancelling headphones)
ลดเวลาการฟัง ไม่ควรใช้หูฟังตลอดเวลา และลดระดับความดังของเสียง โดยใช้หูฟังด้วยระดับเสียงไม่เกิน 80 เดซิเบล ไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
จำกัดระดับความดังของเสียง เช่น ใช้แอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ช่วยจำกัดระดับความดังของเสียง (volume limit) ในระหว่างที่ใช้หูฟังเพื่อให้อยู่ในระดับที่ไม่ดังมากจนเป็นอันตราย
ตรวจสอบการได้ยิน โดยการตรวจเช็คระดับการได้ยินของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากรู้สึกว่ามีปัญหาการได้ยิน อย่างการได้ยินแย่ลง เสียงในหูผิดปกติ เข้าใจคำพูดได้แย่ลง ไม่ควรนิ่งนอนใจ รีบพบแพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก
สรุป
การใส่หูฟังอย่างถูกต้อง และปลอดภัย ควรปรับระดับเสียงให้ดังไม่เกิน 60% ของระดับเสียงที่ดังสุด โดยใช้หูฟังด้วยระดับเสียงไม่เกิน 80 เดซิเบล ไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และไม่ควรใช้หูฟังติดต่อกันนานเกิน 1 ชั่วโมง โดยควรหยุดใช้ประมาณ 5 นาทีเมื่อฟังครบ 1 ชั่วโมง และที่สำคัญไม่ควรใช้หูฟังตลอดเวลา และลดระดับความดังของเสียง รวมไปถึงตรวจเช็คระดับการได้ยินของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ผู้ที่มีอาการได้ยินเสียงหวีด เสียงหึ่ง หรือเสียงดังก้อง หลังจากฟังเสียงดัง หรือที่เรียกว่าอาการหูอื้อ และได้ยินเสียงเบาหรือเพี้ยนไปจากปกติ และคนในครอบครัวหรือเพื่อนบอกว่าคุณมีปัญหาทางการได้ยิน และการสื่อสารกับพวกเขา ควรรีบไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูกทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าระบบการได้ยินเกิดความผิดปกติได้ค่ะ
เกี่ยวกับ Thaidigitalprint
Thaidigitalprint เราดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับงานพิมพ์ โดย บริษัท เอ็ม.ไอ.ดับบลิว.กรุ๊ป จำกัด เรามุ่งมั่นพัฒนาทักษะด้านการพิมพ์ และรักษามาตรฐานมาโดยตลอด มั่นใจได้ว่าเรามีความพร้อมในการผลิตงานพิมพ์ที่มีคุณภาพ ด้วยประสบการณ์ทางด้านงานพิมพ์มากกว่า 29 ปี